Audio/อัน-ซาบูร์
 
 
 
 
 
 
 
เรื่องราวของผู้ที่ติดตามท่านอีซา
 
 

 

บิสมิ้ลลาฮิรเราะฮ์มานิรร่อฮีม


ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงกรุณาเมตตาปราณีเสมอ นี่คือเรื่องราวจากชีวิตของผม เป็นประสบการณ์จริงที่ได้พรรณนาในบทความนี้ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันหรือคิดขึ้นเอง เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับนักเขียนผู้หนึ่งเขาอยู่ในสภาพที่โทรมมาก แต่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ได้ทรงให้เราได้พบกันมันเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตของทุกคนที่มีขึ้นมีลง พอเราได้พบและรู้จักกันมากขึ้นผมจึงรู้ว่าเขาเป็นผู้หนึ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เป็นคนกล้าเผชิญกับปัญหา ซื่อตรง มีใจเผื่อแผ่ให้ผู้อื่น เป็นผู้ให้ ลึกๆของเขาเป็นผู้ที่ชอบศึกษาค้นคว้า มีความอยากรู้ รับฟังความเห็นของผู้อื่นได้ดี เขาเป็นนักประพันธ์ที่ไม่ได้เจนจัดบนสนามนักเขียนมากนัก เป็นคนตรงๆมีทักษะ และมีศิลปะในการเขียนที่จะโน้มน้าวจิตใจของผู้อ่านให้คล้อยตามได้เป็นอย่างดี

เดิมทีเขาเริ่มเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลต่างๆ ถ้อยคำต่างๆ ช่างมีพลังและไหวพลิ้วจากปลายปากกาของผู้เขียน เป็นเรื่องราวที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านจำนวนมากเขาต้องกลั่นกรองความคิดออกมาจากจิตใจ และประสบการณ์จากชีวิตจริงของเขา

ท่านผู้อ่านที่รัก . . . ผมได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ขอให้บทความทั้งหมดนี้ได้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุดกับทุกท่านด้วย ผมมีความเชื่อมั่นว่าอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงทราบและจะนำพาทุกท่านให้อยู่ในหนทางของพระองค์ พระองค์จะช่วยให้ทุกท่านได้รับริสกีมากมายในโลกดุนยานี้ เป็นดั่งแสงสว่างที่ส่องใจของท่าน โอ ! พระเจ้าแห่งสากลจักรวาล

 

จากใบหน้าของเขาที่เป็นประกายยามที่แสงสว่างสาดส่องลงมา ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรยามที่อยู่ใต้แสงไฟ รอยยิ้มบนใบหน้าช่างอ่อนหวาน ดูแล้วจิตใจกระชุ่มกระชวย ไม่เหมือนกับรอยยิ้มอื่นๆ ที่ได้พบ เขารักตัวเองหรือ แน่นอน. . .

คนส่วนใหญ่ต้องรักตัวเองก่อน เวลาที่เขามองผม แสงจากใบหน้าของเขามากระทบที่ดวงตาคู่น้อยๆ ของผม ผมได้ส่งยิ้มให้เขาอย่างเต็มที่ เขามีส่วนอย่างมากที่เข้ามาช่วยเติมเต็มในชีวิตของผม อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเขานำความสงบสุขสันติสุข และช่วยขจัดความยุ่งเหยิงในจิตใจของผม ยามที่เพ่งมองเขาทีไรผมรู้สึกได้ถึงแหล่งที่มาของชีวิต รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย และรอดพ้นจากอันตราย เป็นทัศนียภาพที่สวยงาม มองป๊าดเดียวก็รู้ว่าใบหน้าของเขานั้นงดงามเกินคำบรรยาย มันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากๆ ผมไม่เคยลืม เมื่อดูภาพนั้นทุกครั้งต้องระงับจิตใจไม่ให้เตลิดไปไกลเกินไป อย่างไรก็ตามความเย้ายวนจากภาพวาดไม่สามารถฉุดรั้งวิถีชีวิตแห่งความจริงออกไปได้ ผมจำภาพในฝันนั้นได้ดี จิตใจก็ย้อนคิดไปถึงหนทางที่เขาทำให้ผม ผมรักเขาก่อนที่จะเจอเขา ให้เขาเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ ภายในใจของผมจึงมีความรัก เพราะว่าเขาช่วยให้ผมเติบโตขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น นั่นละเขาจึงรักผมและก็นั่นละเขาคือความรัก

ผมเกิดและโตในสังคมมุสลิม ครอบครัวเราเป็นมุสลิมที่ปฏิบัติศาสนกิจกันอย่างเคร่งครัด มีสมาชิกในครอบครัวมาก ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกันทุกคน เราทำหน้าที่ของการเป็นอิสลามที่ดีที่ต้องเอาใจใส่ในเรื่องการเสียภาษี ผมพอจะจำได้ว่าสมัยเด็กเคยสงสัยเรื่องการดำรงโดยพระองค์เองของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) แล้วก็สงสัยว่าพระองค์ยุติธรรม และกรุณาปราณีจริงหรือ มักจะรู้สึกว่าพระองค์อยู่ไกลจังเลย บางทีก็รู้สึกว่าพระองค์อยู่ใกล้ๆ นี่เอง ไม่มั่นใจในมิตรภาพกับพระองค์ รู้สึกเหมือนตรงข้ามกัน คือ มีแข็งแรงมีอ่อนแอ มีมืดมีสว่าง ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นมิตรภาพของผมกับพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) จะมีผลกระทบกับชีวิตในด้านอื่นอีกหรือไม่ หรือว่าไม่มี พยายามขจัดความสงสัย ชีวิตของผมจึงเหมือนเกลียวคลื่นที่ไม่มีหยุดนิ่ง จริงๆแล้วเป็นคนที่ชอบทะเลมาก บางครั้งก็ไปสูดอากาศกับธรรมชาติหาดทรายคลื่นลม ให้ความแตกต่างจากชีวิต

ในเมือง ในขณะที่เป็นเด็กผมมีความรู้สึกว่าพระองค์มีสองด้าน ด้านหนึ่งที่กลัวมากที่สุดคือกลัวว่าถ้าทำอะไรผิด พระองค์คงจะเตรียมพรากผมไปจากครอบครัว แล้วขว้างปาเอาไปเผาไฟ ส่วนอีกด้านหนึ่งเหมือนกับว่าพระองค์อยู่ใกล้มาก อยู่ข้างๆ กายเสมอ ถึงแม้ว่าพระองค์อยู่บนสวรรค์ผมก็ไม่กลัวพระองค์ เพราะว่าพระองค์ไม่ได้รังเกียจผมๆ นึกถึงภาพของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้กับการที่พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงเลย บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจจะมาจากครอบครัวของเราที่เคร่งครัดในการทำอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ หรือบางทีคงเป็นความประทับใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่ขอดุอาอ์ หรือถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ผมสัมผัสกับพระองค์ได้ทั้งสองด้าน ประทับใจและวางใจในพระองค์ จนถึงเดี๋ยวนี้อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงเป็นผู้เดียวที่ผมมั่นใจ ได้ใกล้ชิดพระองค์ตลอดยามนอน เดิน ที่บ้านหรือที่โรงเรียน นั่นคือความรู้สึกสมัยเด็กๆ

พอโตขึ้นมาอีกหน่อยรู้สึกว่ามีความต้องการพระองค์มากขึ้น อยากได้พ่อที่ดูดีให้ความอบอุ่นกับลูกได้ ยามที่ลูกต้องการ ผมไม่รู้ว่าทำไมจึงปรารถนาเช่นนั้น พระองค์เท่านั้นที่รู้ ผมเฝ้าวิงวอนขอดุอาอ์ต่อพระองค์เพื่อพ่อผม ให้พระองค์ช่วยให้เขาให้ความรักความเมตตากับผมมากๆ พ่อแม่ซึ่งคอยเลี้ยงดูผมเมื่อยังเล็ก พ่อของผมเลี้ยงผมไม่ค่อยดีนัก แต่เขาทำกับแม่ของผม และภรรยาคนอื่นๆ ของเขาไม่ดีเลยพ่อสามารถมีภรรยาได้สองคนถ้ามีได้ถึงสี่คนพ่อก็คงจะมี เพราะประเพณีในสังคมของเราสนับสนุนเช่นนั้น การปฏิบัติเลี้ยงดูกับภรรยาไม่เท่าเทียมกัน บางทีพ่อก็ทำรุนแรงกับแม่เหมือนคนโมโหร้าย อารมณ์ไม่ดีมาจากที่ทำงานทำให้แม่ขายหน้า ผมจึงวิ่งไปฟ้องปู่ว่าพ่อรังแกแม่อีกแล้ว แม่ยังร้องไห้เลยแม่จึงให้ความรักกับผมเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากได้พ่อที่ให้ความรักความอบอุ่นกับครอบครัวได้ ซึ่งแตกต่างจากพ่อผู้ซึ่งให้ชีวิตผม คืออัลลอฮ์ (ซ.บ.) พระองค์เปรียบเสมือนผู้ที่คอยดูแลจิตใจภายในของผม มีอิทธิพลกับผมมาก

ช่วงหน้าร้อนเมื่อตอนผมอายุเจ็ดขวบมีญาติผู้ใหญ่ได้มาเชิญพ่อไปงานแต่งงาน และขึ้นบ้านใหม่ของเธอ ผมไปแล้วผมชอบที่นั่นมากอยู่บนเนินเล็กๆเป็นสถานที่ ที่สวยงามมาก พอตกค่ำพ่อเรียกผมไปหาที่เตียงนอนให้ผมอ่านซูเราะฮ์ฟาติฮะฮ์ให้ฟังก่อนจะนอน ป้าและลูกสาวได้เข้ามาราตรีสวัสดิ์กับเราป้าเห็นผมคุกเข่าอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่านข้างกายพ่อ ป้าคงจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอบอกว่าด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงกรุณาปราณีเสมอเธอขอดุอาอ์ให้กับเราพออ่านให้พ่อฟังจบผมก็เข้านอนกับลูกพี่ลูกน้องของผม

เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องของพ่อ ผมจึงลุกขึ้นจากเตียงรีบวิ่งไปดูที่ห้องพ่อนอน เมื่อเปิดประตูผมต้องตะลึง ผมเห็นพ่อนอนนิ่งไม่ไหวติงไม่มีเสียงหายใจ หน้าซีดมาก ข้างพ่อก็มีป้ากับลูกสาว และสมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างตกอยู่ในความเศร้า และร้องไห้กันเสียงดังลั่นห้อง

หลังจากที่ทำพิธีทางศาสนากับมะยัตของพ่อเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางกันกลับบ้าน ต่อจากนั้นมาชีวิตของผมเปลี่ยนไปเราได้รับการดูแลจากปู่ พี่สาวและผมเปรียบเหมือนลูกกำพร้า แต่เราก็ยังมีชีวิตที่อยู่ดีได้ เพราะบ้านปู่มีฐานะร่ำรวย ส่วนแม่ผมก็เป็นม่าย แต่เธอไม่เคยคิดที่จะแต่งงานใหม่ อาจจะกลัวพ่อเลี้ยงเข้ากับลูกๆ ไม่ได้ บางทีเธอเลือกที่จะเป็นม่ายเพราะว่าสังคมยอมรับได้ เธอเป็นแม่ที่ยอมอุทิศตัวเองเพื่อลูกๆ โดยแท้ เหตุผลของแม่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แม่ต้องอดทนและลำบากเพื่อพวกเรา ระยะหลังนี้ผมแทบจะไม่เคยเห็นแม่ยิ้ม หรือหัวเราะเลย บางครั้งผมเห็นแม่ร้องไห้คร่ำครวญ ผมเชื่อว่าสวนสวรรค์นั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมารดา แม่บอกว่าในบ้านปู่เราเป็นเหมือนคนแปลกหน้า ผมจึงพูดกับแม่ว่าแต่ปู่ก็เป็นพ่อของแม่คนนึงเหมือนกันนะ แม่บอกว่าแม่จะไม่ทิ้งปู่ไปไหนหรอกจ้ะ ก่อนที่แม่จะแต่งงานแม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูแลปู่ของลูกเลย แต่ตอนนี้แม่ยอมทำงานหนักเพื่อปู่และลูกทั้งสอง แต่ในระหว่างนั้นดูเหมือนว่าภาพแห่งความเมตตาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้เปิดเผยให้ผมได้รับรู้แต่แรก แล้วค่อยๆ จางหายไปพระองค์ยังคงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจผม ส่วนย่าของผมเป็นคนใจบุญ ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่ของมุสลิมที่ดี รอยยิ้ม ความเห็นอกเห็นใจ ความอุ่นใจ ผมรู้สึกได้จากใบหน้าของย่า ปู่ไม่ใช่คนใจบุญสุนทาน ท่านเป็นมุสลิมที่ไม่เคร่งนัก ท่านให้ความสนใจกับสังคมไฮโซท่านมีมรดกมาก ตระกูลท่านมีชื่อเสียงในวงศ์สังคม แต่บางครั้งท่านก็ประพฤติตัวเคร่งครัดมาก ผมอยากให้ปู่เป็นที่พึ่งของผมได้ ท่านให้อุดมคติกับเด็กๆได้ดี และท่านก็จริงใจมากซะด้วย ในช่วงที่ท่านเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนท่านเป็นผู้ที่วางแนวทางในการจัดฝึกอบรมให้โรงเรียนมีการปฏิบัติกันอย่างเข้มงวด ให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตนเอง

ท่านจึงได้รับความเชื่อถือจากคณาจารย์ต่างๆ มากมาย เป็นไปได้ที่ท่านนำเอาชีวิตในช่วงนั้นมาประยุกต์ใช้กับหลักการในครอบครัวของท่าน และโดยเฉพาะกับผมมักจะโดนปู่อบรมบ่อย บางทีการที่ผมมาอยู่กับปู่จะเป็นการรบกวนท่านรึเปล่า แม่เล่าให้ฟังว่าปู่ไม่มีผู้ชายมาอยู่ในบ้านนานมากตั้งแต่เสียพ่อของลูกไป ทำให้ปู่ไม่แน่ใจว่าจะจัดระเบียบกับชีวิตของผมอย่างไร จากช่วงเวลาที่ย่าได้ทำให้บ้านเป็นเหมือนสวนสวรรค์ก็มาถึงนั่นคือช่วงเดือนรอมฎอน ตรุษอีดิ้ลฟิตรี่ และอีดิ้ลอัฎฮา ย่าจะจัดเตรียมอาหารอร่อยๆใส่จาน ในขณะที่จะมีการกินอาหารซุโฮ และช่วงละศีลอด เราถือศีลอดในช่วงนั้นเพื่อที่จะรอว่าเมื่อไหร่ อาหาร หรือน้ำ จะตกถึงท้อง และพอได้เวลาละศีลอดเราก็กินกันอย่างมีความสุข . . . . . . .

ผมไม่ได้อยู่บ้านปู่มาสองปีแล้ว เมื่อบางอย่างเปลี่ยนไปแม่ พี่ และผม ได้ย้ายมาอยู่กับอา เราอยากมาอยู่กับอามาก ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับผม อาและสามีท่านมีเมตตากับครอบครัวเรา ลูกชายและลูกสาวของอาก็รักเราทุกคน เขาทั้งสองรุ่นๆ เดียวกับเราสองคน เรามีความสุขมากที่ได้มาอยู่ร่วมกัน อา และสามีใจดีกับเรามาก เราวิ่งเล่นในบ้าน และในสวนได้สบายเพราะบ้านนี้กว้างขวางมาก ไม่มีใครมาคอยดุด่าว่าอย่าทำอย่างนี้อย่าทำอย่างนั้น เพราะเราเคยโดนปู่ดุมาแล้ว ตอนนี้ผมคาดหวังว่าบ้านนี้อาจทำให้ผมมีความสุขที่สุด สามีของอาละหมาดฟัรดูครบห้าเวลาและในส่วนที่เป็นสุนัตด้วยผู้คนในชุมชนนี้ต่างก็รักครอบครัวเขา เขาเป็นหมอที่รักษาคนเจ็บป่วยในชุมชนนี้ให้ฟรีสัปดาห์ละสองวัน หรือถ้ามีเหตุฉุกเฉิน บางคนก็เอาไข่ ไก่ หรือผัก ผลไม้ มาจ่ายเป็นค่ารักษา อันที่จริงครั้งหนึ่งผมเคยแอบสูบบุหรี่ กับลูกพี่ลูกน้อง เราแอบไปสูบกันในสวนใต้ต้นมัลเบอรี่ ควันบุหรี่ก็ลอยขึ้นไปมองเห็นได้แต่ไกล ลูกชายของอาผมมองมาจากทางหน้าต่างและเขารู้แน่นอน เขาจึงออกมาเอากิ่งมัลเบอรี่กับไม้ไผ่ตีพวกเราทีละคน ผมอดขำไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็อาย รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

วันหนึ่งผมไปเห็นเป้หนังแท้ใบหนึ่ง ราคาแพงมากผมอยากได้แต่ไม่มีเงินซื้อในหัวของผมก็เกิดความคิดขึ้นมา จึงกลับบ้านเดินไปที่ห้องอาเห็นกระเป๋าเงินตั้งอยู่บนโต๊ะเลยเปิดดูเห็นมีเงินอยู่ ผมจึงขโมยไปซื้อเป้หนังสะพายอย่างที่ต้องการ

 

ในประเทศของผมขณะนั้นได้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย มีผู้คนถูกลอบทำร้ายด้วยเหตุนี้เราจึงต้องจากประเทศของเรามาและอพยพไปอยู่ประเทศแถบอาหรับ เราต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องโกหกกับผู้คนที่เราต้องเจอ พวกเราเชื่อว่านี่เป็นบททดสอบขั้นต้นของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่ทรงให้เราต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบาก และเรายังติดตามพระองค์ต่อไปหรือไม่ ในส่วนลึกจิตใจของผมๆ ยอมทนได้กับภัยต่างๆที่เกิดขึ้นว่าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ และยังมีกล่าวไว้ในอัลกุรอ่านผมจำเหตุการณ์สมัยเด็กได้ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ทรงเมตตา และหมดรักมนุษย์แล้วดูลึกลับมาก ประสบการณ์ชีวิตของผมตอนนั้นแย่มากๆ ไม่รู้ว่าพระองค์เอาผมไปวางไว้ตรงไหน ตั้งแต่มีอันตรายรอบตัวเกิดขึ้น ผมนึกถึงตอนที่ปู่ดุด่าผมและเข้มงวดกับผม ไม่ให้ผมเข้าร่วมทีมฟุตบอล และกรีฑาของโรงเรียนสมัยมัธยม เหตุผลที่ปู่ทำเช่นนั้นเพราะท่านต้องการให้ผมได้มีเวลาเรียนเต็มที่ ผมจึงไม่ได้ร่วมทีมจนกระทั่งปู่เสียชีวิตไป ผมเสียใจมาก อย่างไรก็ตามต่อมาผมจึงได้เข้าร่วมทีมฟุตบอล

ในกลางปี 1960 ผมแต่งงาน มันสำคัญมากต่อผม ที่จะมีภรรยาคอยดูแลเธอ กระนั้นก็ดีมีเหตุผลบางอย่างที่แทรกเข้ามา ถ้าหัวใจของผมเรียกร้อง ช่วงเวลานั้นภรรยาได้พูดกับผมว่า “ ขอเพียงคุณมอบความรักให้ฉันเท่านั้น ให้เท่ากับความรักที่ฉันมอบให้คุณ ” ช่วงเวลานั้นผมไม่เข้าใจว่า ทำไมผมไม่เข้าใจความรัก ผมกลายเป็นพ่อคน ผมมีลูกชาย และลูกสาว รวมสองคน แต่นอกนั้นชีวิตก็เรียบๆ ผมมีความรู้สึกเสมอว่าอยากได้พ่อที่ไม่จำกัด มันอยู่นอกเหนือคำอธิบาย บางทีก็ไม่รู้เหตุผล

ตอนที่ผมแต่งงงานได้กว่าสามปี ประเทศของเราได้ถูกกระแสการเมืองในแถบภาคตะวันออกของประเทศ มันวุ่นวาย เหมือนกับต้องแบกรับกระแสคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้ามา มันไม่ใช่ทะเลแห่งความรักที่จะได้พบกับไข่มุกเม็ดงามๆ หรือปะการังสวย ๆ แต่มันเหมือนกับผมกำลังลอยคออยู่กลางทะเลแล้วผมถูกปลาฉลามกัดฉีกเป็นชิ้นๆ น่ากลัวมาก ในยุคนั้นระหว่างความน่ากลัว ความดุร้าย วิกฤติกาลในกลุ่มชนชาวอาหรับ ผมต้องจากภรรยา และลูกมา ผมต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อหลีกเลี่ยงการหย่าร้าง และหนีไม่พ้นความเจ็บปวดที่จะตามมา สภาพการณ์ดูเหมือนว่าเรากำลังถูกบังคับให้ต้องหย่าร้างกัน เราเป็นเหมือนคนแปลกหน้า ขณะเกิดเรื่องเศร้าขึ้นมาชีวิตของผมจึงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีเพียงแสงสว่างอันน้อยนิดที่เล็ดลอดเข้ามาในใจของผมในแสงนั้นมีภาพแห่งรอยยิ้มของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) จับจ้องมาที่ผม ภาพนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเศร้าๆ ของผมทั้งนั้นเป็นอย่างนี้อยู่หลายปี

ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองอยู่นั้นผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งบังเอิญได้เจอกันแล้วเขามาหาผมที่บ้านเป็นครั้งคราว ผมจึงเริ่มอ่านศึกษาด้วยกันกับเขาเราคบกันเป็นเพื่อนผมไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แล้ววันหนึ่งผมได้ไปที่โรมไปพักอยู่ที่นั่นสองเดือน วันอาทิตย์ได้มีโอกาสเดินทางไปที่สำนักวาติกัน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับผม ผมได้พบกับบรรยากาศแห่งมิตรภาพกับความสุขทางใจ ผมปรารถนาที่จะอยู่ที่นี่สักพัก เพื่อให้ใจสงบ ในสถาการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ผมและครอบครัวจึงร่วมกันสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน เราคบกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมได้เจอเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยม เราเคยสนิทกันแต่หลังจากเรียนจบเราไม่เคยเจอกันอีกเลยเหมือนอยู่คนละซีกโลก แต่ตอนนี้เรามีโอกาสได้เจอกันเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของชีวิตในอดีตของกันและกันฟัง เกี่ยวกับพระเจ้าด้วย และขณะที่ครอบครัวผมกำลังประสบปัญหาทางการเมืองอยู่นี้

ผมจึงแบ่งเวลาเพื่อที่จะขอดุอาอ์ต่อพระองค์เป็นการส่วนตัวเพื่อเหตุผลสองประการคือ

- ผมและครอบครัวได้รับประสบการณ์ต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่เราเป็นผู้ลี้ภัย และเราต้องการ การยอมรับที่มาจากพระองค์

- ประเทศในแถบอาหรับอื่นๆ ก็เหมือนกันมาก การเมืองไม่สามารถทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการได้ ทำให้ผู้คนผิดหวังจากการกระทำของกลุ่มนักการเมืองในประเทศของผมเพื่อหวังผลประโยชน์ พวกเขาไม่สามารถทำสำเร็จหากพวกเขายังไม่ประกาศเป้าหมายในการรวมกลุ่มชนชาติอาหรับให้เป็นหนึ่งในโครงการซึ่งนำมาซึ่งความยุติธรรมของสังคม ไม่มีความเป็นเสรีภาพจากการแทรกแซงใดๆ

 

เมื่อถึงวาระสำคัญเป็นเหตุให้ผมต้องกลับไปศึกษาอัลกุรอ่านให้ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม ศึกษาแต่ในแต่ละอายะฮ์ เจาะลึกถึงคำอธิบายต่างๆ ผมตั้งหน้าตั้งใจทำงานและค้นคว้าประวัติศาสตร์อิสลามด้วยความเชื่อมากขึ้น ผมไม่ต้องการแจงรายละเอียดของหัวข้อมากนัก แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นบันไดทอดผ่านระหว่างผมไปถึงความรักของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้ ผมจึงระมัดระวังในการค้นคว้าเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ ผมจึงเริ่มขอดุอาอ์ต่อพระองค์และถือศีลอดเพื่อให้จิตใจของผมยึดมั่นและผูกพันกับพระองค์ไว้ แสงไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ภายในใจของผมเต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย แต่เหตุผลบางอย่างนั้นพระองค์เท่านั้นที่รู้และเข้าใจ นั่นละคือแสงที่เริ่มจะจางลงภายในตัวผม แต่มันก็แข็งแรงพอที่จะช่วยให้ผมได้รับการปกป้องจากพระองค์จากอันตรายที่ถาโถมเข้ามา แต่ถ้าสิ่งที่เป็นอันตรายรุกเร้าเข้ามาเกิดอ่อนแรงลงไปก็สามารถถูกไล่กระจัดกระจายไปในความมืดได้ทั้งหมดด้วยจิตใจที่ยึดมั่นของผมที่มีต่อพระองค์ ผมได้ขอดุอาอ์ในขณะที่ถือศีลอดด้วยความซื่อสัตย์ มิตรภาพของผมกับพระองค์ยังมีอยู่เหลือเฟือ

ถึงแม้ว่าที่บ้านและที่ทำงานถูกทำลายไป ผมจึงเริ่มปรับปรุงซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น การทำงานในแต่ละวันก็สำเร็จไปได้ด้วยดี และผมได้แต่งงานเป็นครั้งที่สองผมพอใจกับชีวิตความเป็นอยูในช่วงนี้ แต่จิตวิญญาณของผมมีความกระหายเมื่อผมได้ขอดุอาอ์ต่อพระองค์ในขณะที่อ่านอัลกุรอ่าน ผมรู้สึกได้ว่าผมยังเชื่อมั่นในพระองค์ผมได้พบบางสิ่งที่ได้ขอพรจากพระองค์ คือการได้สงบนิ่งเป็นระยะๆ แต่ความตึงเครียดต่างๆที่อยู่ภายในของผมยังคงทรมานความรู้สึกของผมอยู่ แล้วต่อมาความรู้สึกสับสนนั้นก็หมดไป ผมทำงานอย่างหนักเพื่อต้องการความมั่นคงกับธุรกิจอสังหาริมทรพย์ ปัจจัยหลายอย่างที่กระตุ้นให้ผมทำงานบรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ ผมต้องเตรียมเงินไว้ให้เพียงพอกับลูกๆที่จะสามารถใช้ในการเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ในอนาคตส่วนตัวผมเองต้องการพักผ่อนเพื่อชีวิตในบั้นปลาย ผมมีความใฝ่ฝันถึงความร่ำรวย แล้วก็ช่วยเหลือพี่สาวและครอบครัวของเธอด้วย แต่ตอนนี้ชีวิตทุกอย่างของผมดูแย่ไปหมดพวกเขาต้องการเงินทุนที่จะเปิดภัตตาคาร ผมจึงได้จำนองบ้านและที่ดินเพื่อใช้ลงทุนให้พี่สาวของผม ซึ่งเป็นเงินที่มากพอแต่ธุรกิจก็ไม่ประสบความสำเร็จ การเงินของเราเหลือน้อยลง สิ่งที่ตามมาอีกก็คือช่วงนี้ชีวิตของผมตกต่ำลงมากต้องหาเงินก้อนโตมาจ่ายค่าจำนองบ้านและที่ บรรยากาศที่บ้านของเราตอนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับว่าหนทางของผมมืดมนไปหมด ผมได้อ้อนวอนต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ว่าอย่าให้ผมหวาดหวั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อผมขอดุอาอ์ต่อพระองค์ คำอ้อนวอนของผมพระองค์ทรงได้ยิน และถ้าพระองค์ได้ยิน พระองค์จะตอบคำอ้อนวอนของผมอย่างไร

แล้ววันหนึ่งเป็นวันที่ผมร้อนใจมาก ผมร้องไห้ออกไปดังมาก “ โอ้ ! อัลลอฮ์ผู้ทรงเที่ยงธรรมพระองค์อยู่ที่ไหน โปรดช่วยผมด้วย ทำไมพระองค์นำผม และครอบครัวมาตกอยู่ในสภาพที่ตกต่ำเช่นนี้ ทำไมพระองค์ต้องกำหนดชะตาชีวิตของผมแบบนี้ ผมต้องทำงานหนักเป็นเวลาหลายปี นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตของผม ผมผิดด้วยหรือที่ต้องการความร่ำรวย พระองค์ไม่อยากเห็นผมมั่งมีในทรัพย์สินเงินทองหรือ หรือว่าพระองค์มีจิตใจที่แข็งกระด้าง ขอให้พระองค์ลงมาช่วยผมด้วย ช่วยหาหนทางของพระองค์ ช่วยให้ร่มเงาเป็นที่พักพิงกับชีวิตผม โปรดช่วยขจัดปัญหาต่างๆ และโปรดช่วยพิจารณาผมด้วยเถิด ” ผมร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กน้อยที่พลัดหลงจากพ่อแม่ จิตใจอ่อนล้าไปหมด ความทุกข์ที่ผมได้รับตอนนี้จิตวิญญาณของผมเหมือนถูกปกคลุมด้วยควันดำๆ ชีวิตของผมคงสิ้นสุดแค่นี้ ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ถ้าผมเสียชีวิตไปตอนนี้ผมได้เตรียมหลักประกันไว้ให้ภรรยา และลูกๆของผมเรียบร้อยแล้ว ผมได้วางแผนอย่างละเอียดในการที่จะทำอัตวินิบาตกรรม และพยายามหาโอกาสทำให้ได้ แล้ววันหนึ่งผมก็ขับรถออกไปบนถนนทางหลวงเพื่อที่จะชนเกาะกลางถนน แต่ผมต้องรีบหมุนพวงมาลัยหลบเกือบจะชนเข้าจริงๆ ผมรู้สึกหวั่นกลัว ใจเต้นแรงมาก แต่แผนการที่จะทำร้ายชีวิตตัวเองยังคงอยู่ในความคิดของผมตลอด

ดังนั้นผมจึงพยายามหาหนทางอื่น และสถานการณ์ที่เลวร้ายที่ผมจะลงมือทำครั้งต่อไปได้หยุดไว้ชั่วคราว เมื่อผมได้มีโอกาสเข้าร่วมกับสมาคมเล็กๆที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน และเรียนรู้ข่าวสารจากการอ่านหนังสือพิมพ์ เมื่อผมเดินทางไปที่นี่และจะพักสักสองสามวัน ผมรู้สึกดีขึ้นเพราะช่วยให้ผมห่างไกลจากปัญหาของตัวเอง แต่เมื่อไปพักที่นี่แล้วความรู้สึกของผมจึงเปลี่ยนไป จำนวนผู้คนที่มามีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ เพราะที่นี่เป็นลัทธิเล็กๆ ของพวกที่ตามรอยพระพุทธเจ้า เป็นศูนย์รวมที่ช่วยบำบัดทางจิต ผมมาผิดที่ผิดเวลาผมจึงรีบกลับบ้าน ขณะที่ผมยังอยู่ในอารมณ์ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้อยู่จึงได้ถามตัวเองว่า “ ประสบการณ์แบบนี้ อัลลอฮ์ทรงโกรธผมแน่ อาจทำให้ผมตกนรกได้ ” เพราะว่าผมเกือบจะหมดหวังกับความเมตตาของพระองค์ ผมพยายามให้ครอบครัวช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เรากำลังพยายามทำทุกวิถีทางแต่ครอบครัวของเรายังขมขื่น ผมได้ติดต่องานกับบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจที่ผมจะร่วมงานด้วยหลายแห่งเพื่อที่เราจะมีรายได้เข้ามาพยุงทรัพย์สินของเราไว้ และผมไปที่แถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หวังว่าจะได้งานเกี่ยวกับธุรกิจอิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต แต่ทุกอย่างหมดหวัง ผมต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจึงได้ปรึกษากับภรรยาว่าทำไมเราต้องเจอกับปัญหาและแก้ไขไม่สำเร็จทั้งที่ในความเป็นจริงปัญหาของครอบครัวเราก็มีมากพออยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าพระองค์ประสงค์สิ่งใด พระองค์ทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ทำไมต้องเป็นครอบครัวของผม เมื่อระลึกถึงวันที่ยุ่งยาก ผมรู้สึกเจ็บปวด และกดดันกับตัวเอง วันที่มีปัญหารุมเร้าเข้ามาผมตั้งตัวไม่ทัน และมันเหมือนยกภูเขาออกจากอกเหตุการณ์เหล่านี้ไปสิ้นสุดเมื่อปี 1984 เมื่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้ทรงจัดเตรียมให้ผมได้พบชายผู้หนึ่งเป็นชาวอียิปต์

ผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามท่านผู้นี้มาก่อน แต่พระองค์ทรงให้เราได้พบกันเราได้ทักทายพูดคุยกันเล็กน้อย คุยกันได้สักพักหนึ่งผมจึงเริ่มที่จะเปิดเผยเรื่องราวของผมให้เขาได้ฟัง และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ผมรู้สึกประทับใจเขารู้สึกสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของเขากระหายในการรับรู้ รับฟัง เขาพูดถึงท่านนบีอีซาว่าสามารถช่วยให้ผมมีความหวังขึ้นมาได้ อีซาเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ขณะที่อยู่ที่นี่ ตอนนี้อีซาอยู่ในสวนสวรรค์ ท่านได้ทำการอัศจรรย์หลายอย่าง เรื่องนี้ผมก็ทราบดีอยู่แล้วจากอัลกุรอ่าน และเขาได้ขอดุอาอ์ให้กับผม

จากนั้นก่อนจากกันเขาได้ให้หนังสือเล่มหนึ่งกับผม หนังสือนั้นได้บอกที่มาถึงประตูที่จะนำผมไปสู่ความเชื่อในท่านอีซาอัล - มะซีฮ์ ผมจึงทราบภายหลังว่าเขาคือผู้ที่ติดตามท่านอีซา ผมจึงได้เดินเข้าสู่ประตูนั้นด้วย ความตื่นเต้น ความลังเลใจ ผมได้อ่านคัมภีร์อินญีลและพบประโยคที่ว่า ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก ให้มาหาเรา ….. ผมว่าความเชื่อของอิสลามมีเอกภาพอยู่ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) เท่านั้น อีซาเป็นเพียงศาสดาผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงใช้มา ท่านอีซาได้รับการยกย่องว่าท่านแตกต่างจากศาสดาท่านอื่นๆ ท่านเป็นคำดำรัสของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) เกิดจากมัรยัมหญิงพรหมจารีย์ เมื่อผมได้อ่านอย่างละเอียดทุกข้อความทุกตัวอักษร ผมได้แยกแยะความเชื่อในท่านอีซา จึงได้ถูกเก็บเป็นความทรงจำใหม่เข้ามา เหมือนดอกไม้ที่ตูมก่อน แล้วค่อยบาน และกลายเป็นผลในที่สุด ผมจึงเข้าใจความหมายของการเป็นอิสลามกับการมาของท่านอีซาอัล - มะซีฮ์ ว่า

 

“ ท่านเป็นคำดำรัสของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และเป็นวิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระองค์ ” ผมเชื่อว่านี่คือความจริง เป็นทางนั้น และท่านคือชีวิต ผมขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้ผมพบทางแห่งความจริงนั้นเพื่อเป็นหนทางไปสู่พระองค์ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่รอให้พระองค์รดน้ำแห่งความเชื่อนั้นให้หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของผม เมื่อผมเริ่มวางใจในท่านอีซาคล้ายกับว่ามีน้ำแห่งสันติสุขไหลเข้ามาในจิตใจของผม ทุกอย่างดูเคลียร์ และรื่นรมย์อย่างหาที่สุดไม่ได้เป็นความสุขใจอย่างเหลือล้น ในความเมตตาของพระองค์ ผมเริ่มค้นหามากขึ้น อยากรู้ว่าพระองค์รักผม และผมก็เป็นของพระองค์แต่แรก ความจริงพระองค์คือพระเจ้าแห่งความรัก เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ ความเบิกบานใจก็เกิดขึ้นกับผมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมสัมผัสได้ว่าท่านอีซาอยู่ใกล้ๆ ผมเวลาที่ผมขอดุอาอ์ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่กับผมคือความรักที่ท่านอีซามีให้กับผม ผมบอกอีซาว่านั่นละผมรักท่าน เหมือนที่ผมรักอัลลอฮ์

ผมได้ค้นพบตัวเอง และได้เล่าประสบการณ์ใหม่นี้ให้ภรรยา ลูกๆ และแม่ของผม ผมจึงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี แต่ผมก็ไม่รู้จะรักพวกเขาอย่างไร ผมจึงอ่านคัมภีร์อินญีลมากขึ้น และกระตือรือร้นที่จะแสดงความรักของผมที่มีต่อครอบครัว และคนอื่นๆ ได้ และผมได้พบอีกว่าตัวผมเองมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความรัก และความเชื่อ สันติสุขและความปิติยินดี เพราะว่ามีจิตวิญญาณใหม่เกิดขึ้นกับผม ความผิดที่ใหญ่โตของผม ความมีบาปมลทินมากมายของผม อีซาอัล - มะซีฮ์ คือผู้ไถ่ถอนท่านสมควรได้รับการยกย่องเชิดชู ผมเป็นหนี้ท่านอีซา ไม่มีประวัติศาสตร์ใดที่จะเทียบได้กับภาระกิจที่ท่านได้กระทำถ้าไม่มีบุคคลเช่นท่าน เราจะไม่ได้พบชีวิตนิรันดร์ ผมได้เขียนจดหมายถึงเพื่อน

คนหนึ่ง ได้บอกเล่าเรื่องราวถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผม ข้อความในจดหมายมีว่า “ ตลอดชีวิตของผม ผมมีความเชื่อในพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) เสมอ ตอนนี้ความเชื่อก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีสองสิ่งที่ทำให้ผมพบทางเดินที่ถูกต้อง คือ ผมเข้าใจตัวเองผิดและกลัวที่จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิต ผมพบว่าตัวเองเดินผิดทางไป ผู้คนจำนวนมากรวมทั้งตัวผมต่างก็บกพร่อง และต้องทนกับการเย้ายวนต่างๆ ของโลกดุนยามากมาย หนทางที่จะเดินไปนั้นไม่มีแสงสว่าง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้พบหนทางที่จะนำผมและครอบครัวไปพบกับอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้โดยผ่านการช่วยเหลือของใครสักคน เช้าวันนี้เมื่อผมตื่นขึ้นมาจิตใจของผมชื่นบานแจ่มใส รู้สึกสะอาดริสุทธิ์ ผมได้ถามพระองค์ว่ายกโทษความผิดต่างๆของผมได้ไหม และพระองค์ก็ตอบคำขอของผมผ่านนามของท่านอีซา อัล - มะซีย์ ” ตั้งแต่ผมเชื่อมั่นในนามท่านอีซา จิตใจของผมเต็มไปด้วยความรัก รู้จักวางใจในพระองค์มากขึ้น มีความพึงพอใจ

อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงกรุณาเมตตาปราณีเสมอ ทรงทำให้ผมเข้าใจพระคุณของพระองค์มากขึ้น ช่วงที่เกิดวิกฤติครั้งแรกกับผมนั้นผ่านมาสิบเก้าปีแล้ว ได้พระองค์ทรงคอยโอบอุ้ม ประคองผมไว้ด้วยมือที่กว้างใหญ่ไพศาลของพระองค์ทำให้ผ่านพ้นไปได้และการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อมาพระองค์ทรงช่วยผมตัดสินใจคล้ายกับที่เกิดขึ้นครั้งแรกพระองค์ได้นำทางให้ผมฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ ทำให้ผมเข้าใกล้พระองค์มากขึ้นผมเรียนรู้ที่จะให้พระองค์เข้ามาอยู่ใกล้ๆกับครอบครัวผมมากขึ้น

ครอบครัวผมสูญเสียทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ผมได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองใดๆ คือผมได้รับเกียรติจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.)ให้ผมได้รับชีวิตนิรันดร์ ผมละทิ้งความมั่งคั่งร่ำรวย ความโลภใฝ่สูง และความทะเยอทะยาน แต่ผมได้รับชัยชนะจากการนำทางของพระองค์ผู้ทรงเปิดเผยความรักให้ผมได้เห็น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้นำพาให้ผมมีความเชื่อและวางใจในอีซา อัล - มะซีฮ์

กับการที่เกิดการศรัทธาขึ้นใหม่กับอัลลอฮ์ (ซ.บ.) นั้น คือพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับผม ผมเป็นคนใหม่ในพระองค์ จิตวิญญาณของผมต้องทนทุกข์อยู่นานกับอดีตที่ผ่านมาผมได้รับการยกโทษบาปที่ทำผิดพลาดมาทั้งหมด เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่และโง่เขลามากสำหรับผม ทำให้ผมและครอบครัวต้องเจ็บปวด แต่นับจากนี้หลังจากที่เป็นคนใหม่ ผมมั่นใจว่าอะไรคือความจริง สิ่งใดเทียมเท็จ ผมได้ผ่านช่วงที่วิกฤติที่สุดของชีวิตมาแล้ว ทุกครั้งที่ผมขอดุอาอ์ต่อพระองค์ในนามท่านอีซา อัล - มะซีฮ์ วิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระองค์ทรงนำทางผม ทำให้ผมเติบโตกับพระองค์อย่างมั่นคง เป็นการเกิดใหม่ที่ผมได้ต้อนรับท่านอีซาเข้ามานั่งอยู่ในใจของผม โดยเชื่อว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ และท่านอยู่บนบัลลังก์ พระหัตถ์ขวาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) เมื่อผมเข้าใจผู้ซึ่งมาบนโลกดุนยา และเป็นผู้ซึ่งจะกลับมาอีกครั้งในวันกิยามะฮ์ ด้วยเหตุที่ชัยฎอนมายั่วยุท่านอาดัมกับฮาวา ให้ฝ่าฝืนคำบัญชาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทั้งสองจึงกินผลไม้นั้นจึงรู้จักความดีและความชั่ว พระองค์จึงขับไล่ทั้งสองออกจากสวนสวรรค์นั้น ทั้งสองจึงสูญเสียการมีชีวิตนิรันดร์ และก็แก่ตายในที่สุด ตั้งแต่นั้นมาชัยฎอนจึงมีอำนาจมากมันเป็นศัตรูกับอัลลฮ์ มันคอยยั่วยุให้มนุษย์บนโลกทำบาป อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดจึงได้ส่งท่านอีซาลงมา และมีผู้ติดตามท่าน ท่านเป็นผู้เดียวที่จะช่วยให้เราได้หลุดพ้นจากความตายจากมลทินบาปที่อาดัม และฮาวา ได้กระทำไว้ ท่านคือกุรบ่านที่บริสุทธิ์ที่พระองค์มอบให้ เพื่อให้โลหิตของท่านอีซาช่วยชำระล้างมลทินบาปต่างๆ ให้เราได้ตายไปกับชีวิตเก่าๆ เพราะหลังจากสามวันท่านอีซาได้ตาย ท่านได้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในสภาพของวิญญาณของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ท่านจึงมีชัยชนะเหนือความตาย เพราะท่านคือคำดำรัสของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ตอนนี้พวกเราได้รับการชำระให้เป็นคนใหม่สู่การมีชีวิตนิรันดร์อีกครั้งหนึ่ง ถ้าเราเชื่อในนามท่านอีซา และเชื่อว่าอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้แต่งตั้งท่านอีซาขึ้นมาและพระองค์ทรงประทานวิญญาณที่บริสุทธิ์ และฤทธิ์อำนาจต่างๆ ให้กับท่านอีซาที่พระทรงใช้มา เราสามารถรับรู้ถึงความรักที่ท่านอีซาได้แสดงออกว่าวิญญาณที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) อยู่กับท่าน เราจะได้รับเกียรติ และชัยชนะ เมื่อท่านอีซากลับมาอีกครั้งในวันกิยามะฮ์ ดังนั้นท่านอีซาคือกุญแจสำคัญที่นำเราไปสู่สวรรค์ และการพิพากษา ทุกคนที่เชื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์

ผมได้ยินเสียงท่านอีซา ร้องต้อนฝูงแกะให้เข้าฝูงของท่าน และรู้ว่าท่านนั่งอยู่ในใจของผมด้วย ท่านพูดว่า “ บรรดาผู้ที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข ” ผมจึงเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) จนถึงตอนนี้เป็นเวลาได้สี่สิบแปดปีแล้วที่ผมติดตามท่านอีซา เดี๋ยวนี้ผมมีที่พักพิงที่ปลอดภัย และยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว คือเชื่อในนามท่านอีซา ความผิดบาปทั้งหมดจะได้รับการอภัยจากอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผมใช้เวลาถึงสี่สิบแปดปีกับคำตอบที่ได้รับที่ผมแสวงหา แสงที่ส่องสว่างในมุมเล็กๆ ของจิตใจและจิตวิญญาณผมมันเป็นเครื่องนำทางให้ผมได้พบ ได้พูด ได้ลงมือทำ

เวลานี้ประสบการณ์แห่งมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้กลับมาอย่างสมบูรณ์เป็นแหล่งพักพิง และสันติสุขที่มีในพระองค์ ผมจึงเข้าใจแล้วว่าพระองค์ปรารถนาสิ่งใดในชีวิตผม ความเชื่อในอีซาต้องการเพียงให้เราวางใจว่าท่านคือ กุรบ่านของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) เหมือนอย่างที่เราเชื่อว่าพระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งได้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ เราจึงเป็นคนใหม่มีวิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระองค์อยู่กับเราด้วย ในคัมภีร์อินญีลมีกล่าวไว้ว่า “ วิญญาณที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.)ก็ทรงช่วยเรา เมื่อเราอ่อนกำลังลงด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะขอดุอาอ์ ขอสิ่งใดอย่างไร แต่วิญญาณทรงช่วยขอแทนเราในเมื่อเราคร่ำครวญไม่เป็นคำ และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของวิญญาณ เพราะว่าวิญญาณของพระองค์ทรงขอตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า ”

พี่น้องมุสลิมที่รักทุกท่านผมได้บอกข่าวแห่งความประเสริฐแก่พวกท่าน คืออัลลอฮ์ (ซ.บ.) เป็นพระเจ้าแห่งความรัก ความเมตตากรุณาปราณีมาจากพระองค์ทั้งสิ้น คุณจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานฝ่ายร่างกาย แต่จิตวิญญาณของคุณจะอยู่ในสวนสวรรค์ และมีชีวิตนิรันดร์ กับพระองค์ ความรักของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุดแม้โลกนี้จะสูญสิ้นไป กลับมาหาพระองค์เถิด แล้วมิตรภาพที่ยั่งยืนจะกลับคืนมาอีกครั้ง เพราะพระองค์ได้นำ กุรบ่านสุดท้าย มายื่นให้ท่านบนโลกนี้ ซื้อด้วยโลหิตที่บริสุทธิ์ และช่วยชำระพวกเรา พระองค์เป็นความจริงเป็นแสงที่ส่องสว่างอยู่ทางนั้น

ระหว่างความทุกข์ทรมาน และนรกยะฮันนัม ที่จะต้องติดอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร์หรือ ถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ ใสสะอาด เป็นภาชนะที่หยิบใช้ได้ โดยวิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระองค์สู่การมีชีวิตนิรันดร์ มีผู้เลี้ยงดูที่ดีที่คอยต้อนเราไม่ให้หลงฝูง คือท่านอีซาอัล - มะซีย์

 

พี่น้องมุสลิมที่รักอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงร้องเรียกคุณอยู่ด้วยความรัก อยากให้คุณอยู่ในสวนสวรรค์กับพระองค์ ในนามท่านอีซาอัล - มะซีย์ ผู้เป็นคำดำรัสของพระองค์ชั่วนิรันดร์ คุณจะไม่ตอบพระองค์หน่อยหรือ ?

 

ผมเป็นของพระองค์ ผมเดินออกจากความมืดและพบแสงสว่าง

ผมเชื่อชีวิตหลังความตายว่านำไปสู่การมีชีวิตนิรันดร์

ผมจะเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์กับท่านอีซา

ผมเป็นมุสลิมที่พบทางใหม่ และยังยึดมั่นศรัทธาในพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.)

ครอบครัวผมเป็นมุสลิมกันโดยกำเนิด และเราทุกคนติดตามท่านอีซาด้วย

ผมเชื่อว่าท่านอีซาอัล - มะซีย์ เป็นกุรบ่านสุดท้าย ท่านเท่านั้นที่เป็นความจริงที่นำเราคืนดีกับอัลลอฮ์ (ซ.บ.)

ทำให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์

 
Answering Islam Thailand, 1999 - 2006. All rights reserved.